"เวียดนามเหนือ"
ฮานอย ฮานอยเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของเวียดนามตั้งแต่ปี พ.ศ. 1553 มีอายุ 1,000 ปี ซึ่งเป็นปีที่จักรพรรดิลีไทโด ทรงสถาปนาพระราชวังทังลองขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ ตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงชื่อเมืองอีกหลายครั้ง ฮานอย แปลว่า เมืองบนฝั่งโค้งของแม่น้ำ นับเป็นเมืองหลวงที่มีขนาดเล็กที่มีความสวยงามมากตลอดสองฟากถนนเราสามารถเห็นตึกสไตล์โคโลเนียลอยู่เรียงรายสองข้างทาง
|
ฮานอย ในภาษาเวียดนาม ฮา แปลว่า แม่น้ำ นอย แปลว่า ข้างใน ฮานอยตั้งอยู่ใจกลางสันดอนลุ่มแม่น้ำแดงในภาคเหนือของประเทศ มีทะเลสาบน้อยใหญ่ถึง 18 แห่ง มีทะเลสาบประจมเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด และมีทะเลสาบใจกลางกรุงที่ขึ้นชื่ออย่าง โฮฮว่านเกี๋ยม นับเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ดังนั้นเมื่อคุณเดินทางมาถึงฮานอยจุดแรกที่ควรไม่ควรพลาดคือการไปริ่มต้นที่ ทะเลสาบฮว่าเกี๋ยม ซึ่งเป็นย่านการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีถนนสายเล็กๆ 36 สายตัดสลับกันไปมา ชาวเวียดนามเรียกถนนสายนี้ว่า บาเมื่อยซัวโฟเฟือง แปลว่า36 ถนน ชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อ โอลด์ควอเตอร์ หรือถนน 36 สาย บรรยาศของตลาดนี้คล้ายกับเยาวราชในประเทศไทย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงแรม เกสต์เฮาส์ บริษัทนำเที่ยว ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นย่านเก่าในเมืองฮานอย
|
|
โฮจิมินห์ หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า บั๊กโฮ ซึ่งแปลว่าลุงโฮ ฯ นั้น ถือเป็น รัฐบุรุษอันดับหนึ่งของชาวเวียดนามตลอดกาล
เพราะ โฮจิมินห์ เป็นแกนนำสำคัญในการปลดแอกเวียดนามจากการยึดครองของฝรั่งเศส และในเวลาต่อมาก็ยังเป็นผู้ที่สามารถรวมเวียดนามเหนือ-ใต้ ให้กลายเป็นประเทศเวียดนามเพียงหนึ่งเดียวโดยสมบูรณ์ในสงครามเวียดนามอีก ด้วย |
โฮจิมินห์ เสียชีวิตในวันที่ 2 กันยายน 1969 ซึ่งตรงกับวันชาติเวียดนามพอดี ทางรัฐบาลเวียดนามจึงประกาศว่า โฮจิมินห์ เสียชีวิตในวันที่ 3 กันยายาน 1969 แทนเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในการเฉลิมฉลองวันชาติ
|
ตั้งอยู่หลังโรงละครฮานอย ค่าเข้าชม 15,000 ดอง สำหรับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หรือชาวเวียตนามเรียก Bao Tang Lich แห่งนี้เป็นอดีตเป็นสถาบันวิจัยทางโบราณคดีของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (Ecole Hrancaise d’Extreme Orient) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2453 สร้างใหม่ปี 2469 ก่อนจะเปิดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งสิ่งที่นำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์เวียตนามทุกสมัย เป็นโบราณวัตถุที่หาดูได้ยากยิ่ง มีกลองสำริดโบราณ ซึ่งเป็นศิลปะอันงดงามของพวกจากที่แพร่เข้ามาในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องถ้วยชาม และเจ้าแม่กวนอิมปางประหลาด รวมถึงห้องจัดแสดงของใช้สิ่งของต่างๆ ของกษัตริย์ 13 พระองค์แห่งราชวงศ์เหวียน หากชอบเกี่ยวกับโบราณคดีคุณจะได้สัมผัสรากฐานแห่งอารยธรรมได้ดีทีเดียว
| ||
สำหรับอ่าวฮาลอง หรือ ฮาลองเบย์ นั้นได้ตามนิทานปรัมปราของชาวเวียดนาม ที่กล่าวถึงมังกรโบราณซึ่งเคยร่อนมาลงในอ่าวนี้เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ และชื่อของฮาลอง ก็แปลได้ว่า มังกรร่อนลง จากความสวยงามและสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง ทำให้ที่นี่ประกาศได้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 ซึ่งเป็นเสมือนประกาศนียบัตรที่ใครเห็นต่างเชื่อถือ จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียดนาม ต้องล่องเรือมาชมอ่าวฮาลองเพื่อสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
| ||
สำหรับการเที่ยวอ่าวฮาลองนอกจากได้ชมความงามของทิวทัศน์แล้วยังมีพาขึ้นไปชมถ้ำอีกด้วย เช่น ถ้ำเด่าโก๋ (Thien Cung)หรือที่เรียกกันว่า "ถ้ำสวรรค์" ซึ่งเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยตระการตา โดยในถ้ำแห่งนี้มีห้องโถงใหญ่รอรับคนเดินทางอยู่ด้วยกัน 3ห้อง
จากถ้ำอันสวยงามนี้ก็เดินทางต่อจะเป็นโปรแกรมพายเรือและเล่นน้ำ เพื่อจะได้สัมผัสอ่าวฮาลองอย่างใกล้ชิด หรือหากไม่ชอบเล่นน้ำจะทิ้งเวลาไปกับทิวทัศน์อันสวยงามหรือเก็บภาพความทรงจำ ก็ได้ | ||
ราตรีที่เมืองฮาลองปัจจุบันเมืองฮาลองได้เติบโตแบบรวดเร็ว แหล่งท่องเที่ยวมีทั้งร้านอาหาร บาร์เบียร์เล็กๆ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก เปิดแผงกันเหมือนตลาดโต้รุง มีสินค้าให้เลือกช้อปปิ้งกันมากมาย...
| ||
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น